วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9591/2552

ฎีกาตัดสินเกี่ยวกับปัญหาข้อกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  9591/2552
นางสาวสุพรรณนีย์ ชัชวาลย์
     โจทก์
นางสาวเกศรา สาริยา กับพวก
     จำเลย

ป.พ.พ. มาตรา 425
ป.วิ.พ. มาตรา 142, 249

          โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 มิได้บรรยายว่า จำเลยที่ เป็นตัวแทน จำเลยที่ เป็นตัวการ อันเป็นหลักแห่งข้อหาที่จะให้จำเลยที่ รับผิดต่อโจทก์ในฐานะตัวการตัวแทนตามมาตรา 427 การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ในฐานะตัวการตัวแทนจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
          ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ เป็นลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ โจทก์ไม่อุทธรณ์ปัญหานี้จึงยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาของโจทก์ในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง แม้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย

________________________________

          โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ เป็นบุตรจำเลยที่ และที่ และเป็นลูกจ้างจำเลยที่ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2546 จำเลยที่ ขับรถจักรยายนต์คันหมายเลขทะเบียน กษย 116 ราชบุรี ของจำเลยที่ ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ไปตามถนนในหมู่บ้าน หมู่ที่ 12 ตำบลคุ้งพะยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน กวล 647 ราชบุรี ของนายสมาน บิดาโจทก์ซึ่งขับสวนทางมาเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ของบิดาโจทก์ได้รับความเสียหายและบิดาโจทก์ถึงแก่ความตาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาลก่อนบิดาโจทก์ถึงแก่ความตาย 38,430 บาท ค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ 146,300 บาท ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ 6,740 บาท ค่าจ้างรถบรรทุกศพ 2,000 บาท ค่าขาดไร้อุปการะของโจทก์ 96,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 289,470 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
          จำเลยที่ ถึงที่ ขาดนัดยื่นคำให้การ
          จำเลยที่ ให้การว่า โจทก์ไม่ใช่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมาน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ ไม่ใช่ลูกจ้างและไม่เคยมีนิติสัมพันธ์เกี่ยวกับจำเลยที่ วันเกิดเหตุนางสาวอัมพร ขอยืมรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ ให้จำเลยที่ ขับไปทำธุระ จนกระทั่งเกิดเหตุเฉี่ยวชนกันขึ้น แต่อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดจากความประมาทของนายสมาน มิใช่ความประมาทของจำเลยที่ ค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 30,000 บาท ค่าซ่อมรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 3,000 บาท โจทก์ไม่ได้เสียค่าจ้างรถบรรทุกศพ โจทก์ไม่ได้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของนายสมานจึงไม่สามารถเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะเลี้ยงดูของนายสมานจึงไม่สามารถเรียกร้องค่าขาดไร้อุปการะได้ ขอให้ยกฟ้อง
          ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้เงินจำนวน 90,740 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 2,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
          จำเลยที่ อุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์ภาค พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ให้เป็นพับ
          โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ กระทำละเมิดต่อนายสมาน บิดาโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ เป็นลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ แม้จำเลยที่ กับจำเลยที่ จะไม่มีนิติสัมพันธ์กันในฐานะลูกจ้างกับนายจ้างโดยตรง แต่กรณีที่จำเลยที่ ใช้ให้จำเลยที่ ขับรถจักรยานยนต์นำอาหารไปให้มารดาของตนเองนั้น เป็นลักษณะตัวการตัวแทน เมื่อจำเลยที่ ตัวแทนกระทำละเมิดจำเลยที่ ตัวการต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนในผลแห่งลเมิดนั้นด้วย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค วินิจฉัยว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวของศาลชั้นต้นเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์จึงมีว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนอกประเด็นหรือไม่ เห็นว่า ในปัญหาดังกล่าวโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ เป็นนายจ้างของจำเลยที่ และเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์คันหมายเลขทะเบียน กษย 116 ราชบุรี จำเลยที่ ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปกระทำละเมิดต่อบิดาโจทก์ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ จำเลยที่ ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ อันเป็นการบรรยายฟ้องให้จำเลยที่ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 425 หาได้บรรยายว่าจำเลยที่ เป็นตัวแทน จำเลยที่ เป็นตัวการ อันเป็นหลักแห่งข้อหาที่จะให้จำเลยที่ รับผิดต่อโจทก์ในฐานะตัวการตัวแทนตามมาตรา 427 แต่อย่างใดไม่ ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ในฐานะตัวการตัวแทน จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค วินิจฉัยไว้ชอบแล้ว ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
          ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ เป็นลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ซึ่งเป็นนายจ้าง จำเลยที่ จึงต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วยนั้น เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ เป็นลูกจ้างกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ โจทก์ไม่อุทธรณ์ ปัญหานี้จึงยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ฎีกาข้อนี้ของโจทก์จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง แม้ผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นจะรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยตามบทกฎหมายดังกล่าว
          พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ



( ชินวิทย์ จินดา แต้มแก้ว - พีรพล พิชยวัฒน์ - พิสิฐ ฐิติภัค )


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น